Last updated: 1 ต.ค. 2568 | 368 จำนวนผู้เข้าชม |
ว่าด้วยเรื่องการเมืองท้องถิ่น: เมื่อผู้ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี อาจได้เป็นผู้บริหาร
และอยู่ได้นานไม่จำกัดวาระ แล้วประชาชนได้อะไร
จะเป็นโอกาสที่ประชาชนได้ “ทางเลือกใหม่”
หรือกลับกลายเป็น “ช่องว่างของการผูกขาดอำนาจเดิม”
ข้อเสนอทางกฎหมายว่าด้วยการยกเลิกข้อจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น ที่เดิมกำหนดไว้ไม่เกิน 2 สมัย และการปรับลดเกณฑ์อายุขั้นต่ำของผู้สมัครจาก 35 ปี เหลือ 25 ปี ได้ก้าวเข้าสู่จุเปลี่ยนสำคัญ เมื่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 มีมติรับหลักการในวาระที่ 1ต่อร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของผู้บริหารท้องถิ่นรวมทั้งสิ้น 10 ฉบับ โดยทั้งหมดถูกส่งให้คณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 33 คน ทำหน้าที่แปรญัตติและพิจารณารายละเอียดโดยกำหนดให้ร่างของพรรคประชาชนที่เสนอโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ เป็นร่างหลักในการพิจารณา
ในจำนวนดังกล่าว ประกอบด้วย ร่างพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 3 ฉบับร่างพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) 3 ฉบับ และร่างพระราชบัญญัติเทศบาล 3 ฉบับ โดยมีผู้เสนอจากหลากหลายพรรคการเมือง ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทยกับคณะ นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ พรรคชาติไทยพัฒนากับคณะ และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ พรรคประชาชนกับคณะ นอกจากนี้ยังมี ร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นอีก 1 ฉบับ ที่เสนอโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุและคณะ รวมเป็นทั้งหมด 10 ฉบับ ซึ่งมีสาระสำคัญร่วมกันในการปรับโครงสร้างคุณสมบัติของผู้บริหารท้องถิ่นและข้อจำกัดวาระการดำรงตำแหน่ง
ข้อเสนอทางกฎหมายครั้งนี้ได้จุดประกายคำถามสำคัญในหลายมิติ ทั้งในแง่การส่งเสริมประชาธิปไตย ความสามารถและศักยภาพของคนรุ่นใหม่ ตลอดจนความเสี่ยงในการสะสมอำนาจของผู้บริหารท้องถิ่น จึงมิใช่เพียงการเปิดโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่เข้าสู่สนามการเมืองเท่านั้น แต่ยังอาจถูกมองได้ว่าเป็นการเปิดช่องให้ระบบอุปถัมภ์รูปแบบใหม่หยั่งรากในพื้นที่การเมืองท้องถิ่น หากขาดกลไกการตรวจสอบและถ่วงดุล
ในอีกด้านหนึ่ง ข้อเสนอนี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงกระแสความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย ที่กำลังพยายามออกแบบระบบการเมืองท้องถิ่นให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และเทคโนโลยี รวมไปถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของคนรุ่นใหม่ในเวทีสาธารณะ การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างประชากรหรือความต้องการการบริหารงานท้องถิ่นที่คล่องตัว ทันสมัย และตอบสนองได้รวดเร็วภายใต้บริบทดังกล่าว ดังนั้น คำถามที่ว่า อายุ 25 ปีเหมาะสมหรือไม่สำหรับการเป็นผู้บริหารท้องถิ่น จึงมิใช่เพียงข้อถกเถียงเรื่องตัวเลขของอายุ แต่ยังเกี่ยวกับการเปิดพื้นที่ทางการเมืองให้คนรุ่นใหม่ คุณภาพการบริหารงานท้องถิ่น และหลักการประชาธิปไตยในระดับฐานราก
ภายใต้ปรากฏการณ์นี้ วิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น สถาบันพระปกเกล้า จึงขอชวนสังคมไทยร่วมตั้งคำถามให้ลึกไปกว่าตัวบทกฎหมายว่า หากจะขยายพื้นที่ทางการเมืองให้กับคนรุ่นใหม่และยกเลิกข้อจำกัดวาระการดำรงตำแหน่ง จำเป็นต้องมีการพัฒนาระบบนิเวศทางการจัดการปกครองท้องถิ่นอย่างไร เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนำไปสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน เราพร้อมหรือยังกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในท้องถิ่นเพื่อทำหน้าที่ถ่วงดุลผู้บริหารท้องถิ่น และกลไกตรวจสอบที่เหมาะสมควรมีลักษณะอย่างไร คำตอบของโจทย์เหล่านี้ต่างหากที่จะเป็นหัวใจของการปฏิรูปการเมืองและการจัดการปกครองท้องถิ่น ที่ไม่เพียงแต่เปิดพื้นที่ทางการเมืองให้มีตัวแสดงที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน แต่ยังยกระดับคุณภาพประชาธิปไตยฐานรากให้มั่นคง
ซึ่งในบทความต่อไปจะนำพาผู้อ่านไปสำรวจข้อเสนอการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ผ่านมุมมองเชิงวิชาการ เพื่อสะท้อนทั้งโอกาส ความท้าทาย และข้อเสนอเชิงนโยบายที่เหมาะสม ต่ออนาคตของการปกครอง
ท้องถิ่นไทย แล้วพบกัน ...